เทคนิคแต่งภาพ สอนแต่งรูปคุมโทน วิธีแต่งรูปphotoshop วิธีแต่งรูปในโทรศัพท์

Search
Close this search box.

เทคนิคแต่งภาพ สอนแต่งรูปคุมโทน วิธีแต่งรูปphotoshop วิธีแต่งรูปในโทรศัพท์

Search
Close this search box.
Search

เทคนิคแต่งรูปเร็วขึ้น

ขั้นตอนแรกก็ Import รูปเข้ามาก่อน

โหมด develop ก็ขอใช้โหมดนี้ในการอธิบาย คลิ๊กที่โหมด develop ตามลูกศรก่อนเลย จะได้หน้าจอดังรูป

จะเห็นได้ว่ารูปนี้ติดโทนสีส้มมากเกินไป เราก็จะทำการแก้โดยการปรับ White Balance ของรูป

ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบในการเสียเวลาปรับค่า temp และ tint ด้วยตนเอง

ดังนั้นในคราวนี้เราจะใช้เครื่องมือ White Balance Selector ที่รูปตัวดูดสีแทนโดยวิธีการใช้เครื่องมือนี้ ให้กดที่ไอค่อนตัวดูดสีตามรูปตัวอย่าง และนำไปคลิ๊กในรูปที่เราต้องการแต่งตรงบริเวณที่เป็นสีเทากลางปัญหาก็คือ ไหนล่ะ สีเทากลางที่ว่า

เทคนิคในการหาสีเทากลาง (ตามแบบของผมเอง) คือดูที่สีดำหรือสีขาวในรูปแทนจากตัวอย่าง จะเห็นว่าเสื้อสูทของแบบมีสีดำ ผมก็เอาตรงเสื้อสูทนี่แหละ

ขั้นแรกปรับรูปให้เป็นสี ขาว-ดำ โดยกดที่คำว่า Grayscale จากนั้นปรับ exposure ขึ้นเยอะๆเลย ซึ่งสีดำเมื่อปรับให้สว่าง มันก็กลายเป็นสีเทา

จากนั้นนำเม้าส์ไปกดที่ไอค่อนตัวดูดสี แล้วนำไปคลิ๊กในรูปตรงจุดที่เป็นสีเทากลางซึ่งก็คือจุดที่มีค่า R G B เท่ากัน อยู่ที่ประมาณ 50% แต่ไม่ต้องถึงขนาด 50% เป๊ะๆ แค่มีค่าระหว่าง 45-60 ก็คือว่าใช้ได้แล้ว

เมื่อกดที่รูปแล้วก็จะเห็นว่า ค่า white balance เปลี่ยนไป

ทีนี้ก็ปรับค่า exposure ให้กลับลงมาที่ 0 เท่าเดิม แล้วกดคำว่า color เพื่อให้รูปกลับมาเป็นรูปสีจะเห็นได้ว่ารูปหลังจากทำการปรับมีสีที่ถูกต้อง ไม่ติดโทนส้มอีกต่อไป

จากนั้นก็ปรับแสง-เงาของรูปให้สว่างขึ้นตามความชอบ

จากรูปตัวอย่างข้างบน จะเห็นได้ว่าสีของรูปยังดูอ่อนไปอยู่เราจึงจะปรับความเข้มของสีโดยใช้แถบเครื่องมือ Vibrance และ Saturation

Vibrance เป็นการปรับเพิ่ม-ลดความเข้มของสีให้กับสีที่ซีดในภาพเป็นหลักและจะไม่ค่อยมีผลกับสีที่สดอยู่แล้ว Saturation เป็นการปรับเพิ่ม-ลดความเข้มของสีให้กับสีทุกสีในรูป ดังนั้นแนะนำให้ปรับสีโดยใช้ Vibrance จะดีกว่า เพราะจะได้สีที่เข้มขึ้นเป็นธรรมชาติมากกว่าโดยในรูป ผมปรับ Vibrance เป็น +25 และ Saturation เป็น +5 แต่ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละท่านนะครับ ว่าจะปรับค่าเป็นเท่าไหร่

ก็เป็นอันว่าแต่งเสร็จไปได้ 1รูป ที่นี้ดูในแถบล่างสุด จะเห็นว่ารูปอีก 3รูปถัดมา ถ่ายตรงที่เดียวกับรูปแรก และตอนถ่ายมามีความสว่างเท่าๆกับรูปแรกดังนั้นเราก็จะต้องแต่งรูปอีก3รูปซ้ำใหม่ เหมือนกับตอนแต่งรูปแรก

กรณีนี้ ข้อดีของโปรแกรม lightroom ก็คือ สามารถแต่งรูปหลายรูปโดยยึดค่าที่ทำการปรับแต่งตามรูปใดรูปหนึ่งได้นั่นเองทำให้เราสามารถแต่งรูปได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องทำการปรับทีละรูปเหมือนใน photoshop

วิธีการก็แสนง่าย หลังจากแต่งรูปแรกเสร็จแล้วให้กด Ctrl ค้างไว้ แล้วเลือกรูปในแถบด้านล่างสุดที่เหลือ อีก3รูปจากนั้นก็มากดตรงคำว่า Sync

จะได้หน้าจอนี้ขึ้นมา ให้ทำเครื่องหมายถูก ตรงค่าที่เราต้องการจะใช้ในการปรับแต่งกับรูปอื่นๆที่เหลือจากนั้นก็กด Synchronize

เพียงเท่านี้ รูปอีก3รูปที่เราเลือกไว้ก็จะถูกปรับแต่งตามค่าเหมือนกับรูปแรกทันที


เช่นกัน 3รูปต่อมาก็จะเห็นว่า ถ่ายมาสว่างเท่าๆกัน สีก็เพี้ยนเหมือนๆกัน

ดังนั้นเราก็สามารถปรับแต่งรูปที่เหลือ 3รูปนี้ได้ โดยแต่งแค่รูปเดียวตามตัวอย่าง

จากนั้นก็ทำการปรับรูปที่เหลืออีก2รูป โดยกด sync ทีเดียว ก็เป็นอันเสร็จ

สุดท้ายก็เซฟรูปทั้งหมดด้วยคำสั่ง export เป็นอันจบ

การที่โปรแกรม lightroom สามารถใช้คำสั่งแต่งรุปได้ทีละหลายรูปนี้เองก็เป็นข้อดีที่ถือว่าสะดวกกว่า photoshop แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าโปรแกรมนี้ดีกว่า photoshop นะยังไงผมก็เห็นว่าถ้าทำการรีทัชรูป และย่อรูป photoshop ก็ทำได้ดีกว่า lightroom อยู่ดีดังนั้น ถ้าคุณขยันหน่อย อยากได้รูปออกมาสวยจริงๆ แนะว่าให้ใช้ให้เป็นทั้ง 2โปรแกรม

Tags

แชร์: